ศึกษา เรียนรู้เกี่ยวกับ กลองชุด (Drum Set or Drum Kit) ในฉบับง่ายๆ สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557
การเหยียบกระเดื่องและเทคนิคต่างๆ
เทคนิคการใช้เท้า
Bart บอกว่าเท้าของคุณต้องติดอยู่กับกระเดื่องเสมอ ไม่ว่าคุณจะเหยียบกระเดื่องแบบยกส้นหรือแบบไม่ยกส้น โดยเทคนิดพื้นฐานทั่วไป ปลายเท้าของคุณต้องอยู่บนกระเดื่องถ้าไม่เช่นนั้นหัวกระเดื่องจะไม่อยู่นิ่ง ทำให้คุณไม่สามารถบังคับหัวกระเดื่องได้ และไม่สามารถเล่นกลองได้อย่างมีDynamic การที่เท้าไม่อยู่บนกระเดื่องตลอดเวลาอาจทำให้มีเสียงดังอื่นรบกวนได้ ซึ่งรวมถึงเท้าที่อยู่บนHi-Hat ด้วย มีมือกลองจำนวนมากตีกลองแบบยกส้นเท้า ขณะที่บางคนก็ไม่ยก( ซึ่งเหยียบได้เร็วมาก) ทั้งสองแบบนั้นดีทั้งคู่ ซึ่ง Bart บอกว่าเค้าใช้ทั้งสองแบบ ขึ้นอยู่กับว่า ในตอนนั้นต้องการเล่นแบบไหน
Bart คิดว่าการไม่ยกส้นนั้นสามารถควบคุมเท้าได้ดีที่สุด ต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างมาก เมื่อใดที่ Bart ต้องการการเล่นที่เร็วขึ้น เค้าจะยกส้นเท้าขึ้นประมาณ 1 นิ้ว ซึ่งจะทำให้สามารถหมุนข้อเท้าไปมา และ สไสล์โดยใช้ปลายเท้า หรือบางครั้ง Bart จะสไลล์กระเดื่องแบบไปข้างหน้าและถอยหลัง หรือสไลด์ในแนวด้านข้าง แต่ต้องควบคุมให้เท้าอยู่บนกระเดื่องเสมอ Bart คิดว่าเทคนิคการใช้เท้าเหมือนกับเทคนิคการใช้มือ
เทคนิคการใช้มือ
คุณต้องใช้มือทั้งสองข้าง ข้อมือ หรือนิ้ว ทั้งสามอย่างนี้ผสมผสานกัน ซึ่งมันขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการเล่นแนวไหน ถ้าต้องการเล่นเบาและTempo ที่เร็ว Bart จะใช้นิ้วมากขึ้น ถ้าต้องการเล่นที่ดังหนักแน่นเค้าจะใช้แขนมากขึ้นด้วยการยกไม้ให้สูงขึ้น ไม่จำเป็นที่จะต้องตีให้แรงขึ้น
เทคนิคดังกล่าวเหมือนกันกับการใช้เท้า ถ้าเล่นแบบยกส้นโดยใช้ข้อเท้าสไลด์ไปมาเทียบกับการยกส้นโดยใช้เท้าเหยียบทั้งขา Bart บอกว่าถ้าเค้าต้องการเล่นที่เร็วขึ้น เค้าจะยกส้นและสไลด์หมุนข้อเท้าไปมา แต่ถ้าต้องการเล่นที่เร็วและดัง เค้าจะยกส้นขึ้นและใช้น้ำหนักของเท้าทิ้งลงตามแรงดึงดูดของโลกเพื่อยันกระเดื่อง
Bart สอนนักเรียนของเค้าว่าต้องควบคุมให้กระเดื่องเด้งกลับมาหลังจากกระแทกหนังแล้วเสมอ ซึ่งจะทำให้เกิดเสียงที่เต็มมากกว่า และจะช่วยทำให้หัวกระเดื่องกลับมาหยุดอยู่ในจุดที่พร้อมจะตีครั้งต่อไป ยกตัวอย่างเช่น การต่อสู้เมื่อคุณต่อยคู่ต่อสู้แล้วคุณต้องดึงมือกลับมาในตำแหน่งที่พร้อมจะต่อยครั้งต่อไป เช่นเดียวกันกับมือที่ตีกลอง เมื่อตีแล้วมือสะท้อนกลับมา เสียงที่ได้จะเต็มที่กว่าและน่าพอใจ แทนที่จะตีแล้วกดค้างไว้กลับหนัง เสียงที่ได้จะไม่เคลียร์ แต่บางครั้งคุณอาจอยากได้เสียงแบบกระแทกๆ คุณก็จะต้องปล่อยให้หัวกระเดื่องค้างอยู่ที่หนัง สรุปแล้วขึ้นอยู่กับว่าต้องการเสียงแบบไหน Bart บอกว่าเค้าต้องคุมเท้าให้ได้ตามที่ต้องการ ไม่ใช่ปล่อยให้เป็นไปตามที่ความเคยชิน ซึ่งควบคุมไม่ได้ สิ่งที่จะเป็นประโยชน์ในการเหยียบกระเดื่องคือต้องมีความต่อเนื่อง ต้องได้เสียงที่ชัดเจน และต้องพัฒนาเทคนิคการเหยียบทั้งสองแบบ และต้องสามารถทราบความแตกต่างถึงข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบ
ส่วนประกอบสำคัญอย่างหนึ่งในการเหยียบกระเดื่อง
คือการปรับสปริงกระเดื่อง Bart บอกว่ามือกลองทุกคนนั้นมีสรีระที่ต่างกัน น้ำหนักไม่เท่ากัน ดังนั้นการตั้งสปริงที่เหมาะสมกับคุณคือ เมื่อคุณวางเท้าลงบนกระเดื่องโดยไม่กด หัวกระเดื่องต้องกดลงมาครึ่งทางระหว่างตำแหน่งที่ค้างอยู่กับหนัง แต่ถ้าวางเท้าลงแล้วหัวกระเดื่องสัมผัสกับหนังเลย หรือห่างเล็กน้อยประมาณ 1 นิ้ว นั้นแปลว่าสปริงอ่อนเกินไป ตรงกันข้ามถ้าวางเท้าแล้วหัวกระเดื่องแทบจะไม่ขยับเลย อย่างนี้คือแข็งเกินไปครับ ต้องปรับใหม่ Bart มองว่าหัวกระเดื่องจะต้องเคลื่อนไหวอย่างอิสระที่สุดแต่ไม่มากจนเกินไปที่สำคัญคืออย่าเกร็ง และไม่ควรใช้พลังงานมากเกินไปเพราะจะทำให้เหนื่อย และตีกลองได้ไม่นาน Bart พูดปิดท้ายว่าที่พูดไปเป็นแค่ มุมมองของเค้าคุณควรฟัง / สังเกตุ มือกลองคนชั้นนำอื่น พิจารณาถึงสิ่งที่ดีและไม่ดีของเค้า แล้วCopy สิ่งดีๆมาใช้เป็นเทคนิคของตน และอย่าเกร็งค๊ะ
การเพิ่มความเร็วให้เท้า
มือกลองหลายคนมักมีไม่ค่อยพอใจในเรื่องการใช้เท้าของตน ปัญหาที่เกิดขึ้นเช่นการขาดความเร็วในการเหยียบ ปัญหารองลงไปได้แก่ขาสั่นไม่ค่อยมีกำลัง ลองอ่านดูเทคนิคและเคล็ดลับดังนี้ มีสองเหตุผลหลักคือคุณให้เวลาในการฝึกเท้าน้อยเกินไปและ การฝึกฝนที่ไม่มีประสิทธิภาพ ตรงนีผู้เขียนแนะนำหนังสือที่ควรหามาอ่านเพื่อเพิ่มความรู้ได้แก่หนังสือชื่อ Stick Control โดย George L.Stone ที่นี้ลองมาดูการฝึกในเบื้องต้นก่อนดังนี้ Single Stroke Roll
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้เพื่อนมือกลองทุกท่านคงต้องเคยฝึกด้วยการใช้มือมาแล้วทุกคน ตอนนี้คุณต้องหันมาใช้เท้าฝึกแล้วละ คุณอย่าคิดว่า Single Stroke จะมีประโยชน์แค่สำหรับมือกลอง 2 กระเดื่องเท้านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อมือกลองกระเดื่องเดียว ที่จะช่วยให้กล้ามเนื้อเท้าและขาแข็งแรง เพิ่มการตอบสนองต่อการสั่งงานได้ดีขึ้น ช่วยการตีเน้นBass Drum ในสำเนียงเพลง Funky หรือการทำเสียงโครมครามของHihat และยังช่วยให้คุณเล่นเพลงที่ต้องใช้เท้าซ้ายเหยียบ Hihat ในบางจังหวะ
ลองดูตรงนี้แนวทางที่จะช่วยให้คุณฝึก Single Stroke ในเท้าของคุณ
1. ตั้งเมโทรนอมที่ความเร็วประมาณ100 bpm
2. ตี Single Stroke ด้วยมือ R L R L R L R L หนึ่งห้อง จากนั้นในห้องที่สองเปลี่ยนเป็นใช้เท้า ฝึกซ้ำไปมา จนคุณรู้สึกว่าเท้าของคุณรู้สึกสบายๆไม่เกร็ง ถ้าเท้าของคุณเคลื่อนไหวไม่ถูกส่วน จะทำให้เมื่อยล้าและเคลื่อนไหวไม่ถูจังหวะ ถ้าเป็นเช่นนี้ ต้องลดความเร็วของTempo ลง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และจะไม่ทำให้เมื่อยล้า สำหรับความเร็วมากๆคุณต้องฝึกใช้เท้าด้วยวิธีเดียวกับการฝึกมือ คาถาง่ายๆที่อยากแนะนำคือ อย่างเกร็ง
3. ลองปรับความเร็วของ metronome ขึ้นจนถึง 160 BMP แล้วสามารถเล่นได้อย่างสบายๆ ขั้นตอนนี้อาจใช้เวลา หลายวันหรือเป็นอาทิตย์ ก็ต้องฝึกนะครับอย่าเร่งรีบเกินไป
4. ลองเพิ่มตี Single Stroke ด้วยมือ R L R L R L R L สองห้องจากนั้นในห้องที่สามและสี่เปลี่ยนเป็นใช้เท้า แล้วกลับไปเริ่มที่มือใหม่ เช่นเดียวกันคือค่อยๆปรับความเร็วไปจนถึง160 BMP และใช้เวลาฝึกประมาณ ครึ่งชั่วโมง ใช้เวลาช่วงดูTV จะช่วยให้คุณฝึกได้ไม่เบื่อ และไม่จดจ่ออยู่กับเวลาที่ต้องฝึก กล้ามเนื้อคุณจะแข็งแรงขึ้น
5. พึงตระหนักไวว่า เราไม่ได้ฝึกเพื่อทำให้เร็วเล่นได้เร็วขึ้น แต่เป็นการฝึกเพื่อทำให้กล้ามเนื้อเราแข็งแรง ความเร็วนั้นไม่มีประโยชน์ ถ้าปราศจากความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การฝึกที่ถือว่าบรรลุเป้าหมายนั้นคือ คุณฝึกแบบฝึกข้างบนนั้นจนสามารถเล่นมันได้อย่างสบายๆ ในความเร็วที่มากสุดในเมทรอนอมนั้น ในระยะเวลาประมาณ หนึ่งชั่วโมง ขอบอกเคล็ดอีกครั้งคือคุณต้องไม่เกร็ง ผ่อนคลายอาจเป็นช่วงที่คุณดูTV สนุกเพลินๆอยู่ นอกจากนั้นความเร็วที่ว่าสูงสุดในเมทรอนอมนั้นอาจผันแปรไปตามที่เท้าและขาของคุณสามารถทำงานได้ดี ในเบื้องต้นนี้ผู้เขียนยากกำหนดเป้าหมายระยะสั้นว่าคุณควรเล่นได้ในความเร็ว 208 BMP ผู้เขียนย้ำส่งท้ายว่าไม่ต้องการให้คุณเป็นมือกลองที่ชนะเลิศในด้านการตีกลองที่เร็วสุด แต่มันจะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากถ้าในการสร้างความเร็วของคุณนั้นมันเป็นไปพร้อมกับความแข็งแรงและแข็งแกร่งในขาเท้าและขาของคุณ
การจับไม้กลอง
การจับไม้กลอง
การจับไม้กลอง มี 2 แบบคือ 1.Match Grip และ 2.Traditional
1.Match Grip
การจับไม้กลองแบบBasic
.
2.Traditional Grip
การจับแบบนี้ส่วนใหญ่นักดนตรีแจ๊สจะชอบ(rocker บางคนก็ใช้เช่น Virgil Donati)
เหตุผลก็เพราะเวลาเล่น จะตีดับเบิ้ลได้เร็วและง่าย ควบคุมน้ำหนักได้ดี
วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2557
โน้ตกลองชุด พื้นฐาน
โน้ตกลองชุดพื้นฐาน
โน้ตของกลองมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากโน้ตของเครื่องดนตรีอื่นๆทั่วไปตรงที่ โน้ตของกลองไม่มีระดับเสียง(Pitch) ต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง จะมีก็แต่เพียงระดับเสียงที่ใช้อ้างอิงในทางทฤษฎีดนตรีเท่านั้น แต่โน้ตของกลองจะมีลักษณะไปในทางสัญลักษณ์สะมากกว่า ในเบื้องต้นเราจึงต้องมาทำความเข้าใจในสัญลักษณ์นั้นๆเสียก่อน ดังนี้.
B.D. = drum bass{กระเดื่อง}
H.H. = Hi-Hat
S.D. = Snare Drum
Rc. = Ride Cymbal
*โดยปรกติการบันทึกโน้ตในส่วนของDrumนั้น เราจะบันทึกลงบน F clef เพราะกลองเป็นเครื่องดนตรีที่ให้เสียงต่ำ
มารู้จัก มือกลองในประเทศไทยกันเถอะ
มารู้จัก มือกลองในประเทศไทยกันเถอะ !
1. อ.เล็ก ทีโบน (อริญญ์ ปานพุ่ม)
VDO
2.อ.ดั๊ก Infinity, ETC
VDO
3.เคน วง zeal
VDO
4.ชัช bodyslam
VDO
5. อ.ต่อ Silly Fools
VDO
รู้เรื่องกลองชุด
กลองชุด หรือ Drum Set
เป็นเครื่องดนตรีประเภทตีกระทบ ประกอบด้วยตัวกลองและฉาบ และใช้"ไม้กลอง"เพื่อตีควบคุมจังหวะ กลองชุดเป็นเครื่องดนตรีที่มีเสียงหนักแน่น สามารถเพิ่มสีสันให้กับบทเพลงได้หลากหลายแนว
เช่น ร็อก , บลูส์ , ป็อป , ฟังก์ , ดิสโก้ และ แจ๊ส เป็นต้น กลองชุดเป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
ส่วนประกอบของกลองชุด Drum Set
สแนร์ ดรัม (Snare drum)
ประกอบด้วยแผงลวดขึงรัดผ่านผิวหน้ากลองด้านล่าง เพื่อให้เกิดเสียงกรอบ ๆ ดังแต๊ก ๆ ตัวกลองทำด้วยไม้หรือโลหะ และสามารถรัดให้หนังตึงด้วยขอบไม้ด้านบนและล่าง สามารถปลดสายสะแนร์เพื่อให้เกิดเสียงทุ้มดังตุ้มตุ้มได้ และตีกลองเล็กด้วยไม้ นิยมใช้กลองชนิดนี้ทั้งในวงดุริยางค์และวงดนตรี มักจะถูกตีในจังหวะที่ 2 และจังหวะที่ 4 ของทุกๆ " 1 ห้อง " ของเพลงนั้นๆ
กลองทอม (Tom-tom drum)
มีขนาดใหญ่กว่าหรือเท่ากับสแนร์ดรัม เป็นกลองชนิดที่สร้างขึ้นโดยไม่ใช้สายสะแนร์ โดยทั่วไปบรรเลงในหมวดกลอง ใช้ไม้ชนิดหัวไม้หุ้มสักหลาด มักถูกใช้ในการตีลูกส่ง และช่วยในการโซโล่ ของกลอง
กลองใหญ่ (Bass drum)
เป็นกลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ประกอบด้วยตัวกลองที่ทำด้วยไม้และมีหนังกลองทั้งสองด้าน เสียงที่เกิดจากการตีกลองใหญ่จะไม่ตรงกับระดับเสียงที่กำหนดไว้ทางตัวโน้ต ตีด้วยไม้ที่มีสักหลาดหุ้ม ชนิดที่มีหัวที่ปลายทั้งสองข้าง ใช้เพื่อทำเสียงรัว มักจะถูกตีในจังหวะที่ 1 และจังหวะที่ 3 ของทุกๆ " 1 ห้อง " ของเพลงนั้นๆ
ฉาบ (CrashCymbals)
เป็นฉาบที่มีขนาดใหญ่เล็กน้อย ใช้ตีเพื่ออัดพลังความหนักแน่นให้กับลูกส่ง และการโซโล่ของกลอง เพื่อเป็นการสร้างสีสันให้กับตัวเพลง โดยส่วนใหญ่แล้ว ในการควบคุมจังหวะให้กับเพลง ไม่ว่าเพลงแนวใดก็ตาม การตีซิมบาลส์นั้น มักจะเป็นการตีลงไปหนึ่งครั้ง ในบาง " 1 ห้อง " และการตีซิมบาลส์นั้น มักจะไม่เป็นการตีอย่างต่อเนื่องไปตลอดและพรํ่าเพรื่อมากนัก
ฉาบไฮแฮ็ท (Hi-hat)
เป็นฉาบขนาดกลางสองใบในแนวเดียวกัน สามารถถูกทำให้อ้าออก และ ประกบเข้ากันได้ ด้วยคันเหยียบซึ่งอยู่ทางด้านล่างสุดของตัวเสาแขวนฉาบไฮแฮ็ท โดยทั่วไปแล้ว ไฮแฮ็ทและตัวเสาแขวนจะอยู่ทางด้านซ้ายมือของกลองเล็ก ใช้ตีต่อเนื่องเพื่อบอกและควบคุมจังหวะทั้งหมดภายใน " 1 ห้อง " ของเพลงนั้นๆ ตลอดจนจบเพลง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)